ผ้เสียหายแห่ให้ข้อมูล ถูกแม่กับลูกสาวสุดแสบหลอกเช่ารถยนต์ อ้างเอารถไปใช้ที่สถาบันฯในมข. สุดท้ายค่าเช่าก็ไม่ได้ รถก็หาย คนก็หนี แจ้งความแล้วก็ยังนิ่ง ซ้ำมีคนอ้างเป็น‘หมวด’โทรมาขอค่าไถ่รถ เชื่อเป็นแก๊งโจรกรรมและอาจมี ‘คนมีสี’ ร่วม
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 26 ก.ย.57 นางฉวี ธารชัย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.3 บ้านขามป้อม ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม และนายสุพัฒน์ มุงบุญ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ม.9 ต.โคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พร้อมผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่ง ได้เข้าให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนในจ.ขอนแก่นว่า ถูกสองแม่ลูก หลอกเช่ารถแล้วเชิดรถหนี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และร้องขอความช่วยเหลือจากศป.จร.ภ.4 แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า
โดยนางฉวี กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนส.ค.57 ที่ผ่นมา ได้รับการติดต่อจากนางปราณี เพื่อนหมู่บ้านเดียวกัน ว่า ลูกสาวต้องการเช่ารถยนต์วันละ1,000 บาท เอาไปใช้ที่สถาบันลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตนเห็นว่ารถกระบะของตัวเองจอดอยู่บ้านเฉยๆไม่ค่อยได้ใช้งาน จึงคิดว่าถ้าให้เช่าวันละ 1,000 บาทตกเดือนละ30,000 บาทก็พอมีเงินส่งค่างวด จึงตกลงให้เช่า
นางฉวี กล่าวอีกว่า จนกระทั่งวันที่ 21 ส.ค.57 นางปราณี พาลูกสาวชื่อน.ส.สุรีย์ณิภา(ขอสงวนนามสกุล)อายุประมาณ 35 ปี ไปพบตนที่บ้านและทำสัญญา ซึ่งในหนังสือสัญญานั้นมีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นอยู่ด้านบนชัดเจน หลังทำสัญญาแล้วก็มอบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ 4 ประตู สีเขียว ทะเบียน กอ-6875 ขอนแก่น ให้ น.ส.สุรีย์ณิภาไป จนเดือนแรกผ่านไปก็ยังไม่ได้รับค่าเช่ารถ สอบถามก็บอกว่า เบิกเงินแล้ว แต่ทางสถาบันฯยังไม่ออกให้ ด้วยความสงสัย จึงพากันไปพบกับผู้บริหารที่สถาบันวิจัยลุ่มน้ำโขง ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับคำตอบว่า ในสถาบันไม่มีเจ้าหน้าที่ พนักงาน หรือลูกจ้างที่ชื่อ นามสกุลดังกล่าว และสถาบันก็ไม่มีนโยบายเช่ารถบุคคลภายนอกมาใช้ในหน่วยงาน เมื่อรู้ว่าโดนหลอก จึงไปหาสองแม่ลูกที่บ้าน ปรากฏว่า บ้านเงียบ ปิดบ้าน ขนข้าวของหนีไปเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น
"ตอนที่เข้าแจ้งความได้เจอกับผู้เสียหายอีกหลายราย จากการสอบถามทราบว่า แต่ละรายถูกสองแม่ลูกหลอกเอารถยนต์ไปในลักษณะเดียวกัน จึงพากันไปแจ้งความและร้องทุกข์ที่ศป.จร.ภ.4 ให้ตำรวจตามจับกุมสองแม่ลูกมาดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อจาก หมวดติ๊ก ว่า ถ้าอยากได้รถคืน ให้นำเงิน 80,000 บาทไปไถ่ถอนเอารถ แต่เมื่อถามว่าจะให้ไปรับรถที่ไหน ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงสร้างความงุนงงสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าการมาขอเช่ารถ เป็นแผนการของขบวนการโจรกรรมรถยนต์หรือไม่"นางฉวีกล่าว
ด้านนายสุพัฒน์ มุงบุญ อายุ 26 ปี ผู้เสียหายอีกคน กล่าวว่า ได้รับการติดต่อผ่านญาติว่าน.ส.สุรีย์ณิภา ต้องการเช่ารถยนต์กระบะไปใช้ที่สถานบันวิจัย ลุ่มน้ำโขง ในอัตราวันละ 1,000 บาท จึงยอมให้เช่า โดยทำสัญญาเช่ารถกระบะโตโยต้าวีโก้ ทะเบียน ผน-6657 ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.57มาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว รถก็หาย คนก็หาย จนรู้ว่านอกจากตนเองแล้ว ยังมีคนอื่นถูกหลอกอีกประมาณ 20 ราย
นายสุพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในเวลาต่อมาได้รับการติดต่อจากชายอ้างว่าชื่อ"หมวดอิ๊ด"ว่าให้นำเงิน 170,000 บาท ไปไถ่รถคืน แต่เมื่อถามว่าจะให้ไปไถ่รถที่ไหน รถจอดอยู่ที่ไหน กลับไม่มีคำตอบ บอกแต่เพียงว่า จะติดต่อกลับมาแล้วก็เงียบหายไป แต่แล้วจู่ๆก็ได้รับการติดต่อจากหมอนวดคนหนึ่ง ชื่อนุ้ย ว่าเป็นคนของหมวดอิ๊ด ให้ประสานการคืนรถ โดยให้เอาเงิน 170,000 บาทไปให้ที่สถานอาบอบนวดแห่งหนึ่ง แล้วจะคืนรถให้ แต่พอยื่นข้อเสนอว่าต้องยืนหมูยื่นแมว จึงจะจ่ายเงินให้ ก็ไม่ยอมและติดต่อไม่ได้อีก จึงคิดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะมีคนมีสีอยู่ด้วยและทำกันเป็นขบวนการ เพื่อเอารถยนต์ของพวกตนไปขายต่อ
.